การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่สนามบรามอลเลน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล่อน แถมพ่วงผลงานอย่างเด็ดดวงด้วยการจบอันดับที่ 9 ทำให้ฤดูกาลนี้ถูกจับจ้องว่าอาถรรพ์ฤดูกาลที่ 2 จะเกิดขึ้นหรือไม่กับลูกทีมของ คริส ไวล์เดอร์ ส่วนวูล์ฟแฮมป์ตัน ก็ตั้งเป้าที่จะกลับไปเล่นถ้วยยุโรปอีกครั้ง หลังจากเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยืนประจำการอยู่ 2 คน ส่วนแนวรุกหมาป่าขึ้นมา 3 คน ทำให้ได้แต่ยืนประกบหลวมๆ
เริ่มเกมมาไม่ถึง 3 นาที เจ้าบ้านเปิดแผลในเกมรับทันที จากจังหวะโดนโต้กลับจากหน้าบ้านวูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งแนวรับของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดยืนประจำการอยู่ 2 คน ส่วนแนวรุกหมาป่าขึ้นมา 3 คน ทำให้ได้แต่ยืนประกบหลวมๆ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะจังหวะการจ่ายกับตำแหน่งการยืนของราอูล ฆิเมเนช ดี แถมยังยิงบอลฉลาดด้วยการแปบอลย้อนทาง จากนั้นไม่นานทีมเยือนก็ยิงทิ้งห่างเป็น 0-2 ซึ่งแนวรับดาบคู่ถอยหลังกันหมดโดยไม่เข้าไปประกบ ทำให้ข่าวฟุตบอลที่ย้อนมาแล้วแนวรุกทีมเยือนถอยไปโหม่ง กลายเป็นผู้เล่นเชฟฟิลด์ยืนห่างจากการประกบเข้าไปอีก จนทำให้มีมุมได้เลือกว่าจะโขกไปจุดไหน
ครึ่งหลังวูล์ฟแฮมป์ตัน ถอนคันเร่ง เปิดโอกาสให้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดได้บุกขึ้นมา จังหวะที่ใกล้เคียงที่สุดคือการต่อบอลจากริมเส้นเข้ามาแล้วชนเสานอก หลังจากนั้นแม้จะพยายามขึงเกมบุกต่อแต่ทีเด็ดบอลริมเส้นของเจ้าถิ่นไม่น่ากลัวเหมือนฤดูกาลที่แล้ว แถมยังเสียบอลง่ายจนถูกโต้กลับ ซึ่งเกือบจะเป็น 0-3 บ่อยครั้ง แต่ก็ยังรอดตัวไป
สิ่งที่เห็นชัดตลอด 90 นาที แนวรับเชฟฟิลด์ดูหลวมไปหมดในการประกบตัวคู่แข่งที่ดูไม่แน่น เปิดทางให้วูล์ฟแฮมป์ตันพร้อมยิงได้ทุกจังหวะ แต่ดันยิงไม่ได้เอง
บทสรุปเกมนี้ เชฟฟิลด์ มีงานที่ต้องแก้เยอะมาก เกมรับหลวมพร้อมโดนยิงตลอดเวลา เกมรุกฝืดไร้ประสิทธิภาพ ส่อแววฟอร์มทีมตกชั้น ส่วนวูล์ฟแฮมป์ตัน แม้จะนำ 0-2 ทั้งที่เกมเริ่มมาไม่ถึง 10 นาทีก็จริง แต่อีก 80 กว่านาทีมีโอกาสได้ยิงเยอะมาก แต่ดันเอาโอกาสไปโยนทิ้งลงแม่น้ำ ซึ่งเรื่องนี้ควรปรับให้มีความเหี้ยมโหดมากว่านี้ มีโอกาสยิงต้องฆ่าเอาให้ตาย เพราะหากเจอกับทีมที่ศักยภาพสูงกว่านี้ โอกาสอาจไม่ได้มีบ่อย ๆ