เมาริซิโอ ซาร์รี่

เมาริซิโอ ซาร์รี่ แชมป์ที่ต้องจากไป ย้ายออกจากทีมซ้ำซากของกุนซือชาวอิตาลี

ว่ากันตามปกติแล้ว หากผู้จัดการทีมคนใดพาทีมประสบความสำเร็จได้นั้น เขามักจะได้รับการตอบแทนเป็นการต่อสัญญาใหม่หรือเพิ่มค่าแรงให้กับคนนั้นๆ เสมอ แต่ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะพาทีมเป็นแชมป์ได้ถึงสองทีมในสองฤดูกาลติดต่อกัน แต่สุดท้ายผลกับลงเอยด้วยการย้ายออกจากทีมซ้ำซากของกุนซือชาวอิตาลีคนนี้

เมาริซิโอ ซาร์รี่

เมาริซิโอ ซาร์รี่ ได้เข้ามาแทนอันโตนิโอ คอนเต้ที่ลาจากทีมเชลซีไปในปี 2018 ในฐานะผู้ที่จะเข้ามาเปลี่ยนทีมเชลซี

หลังจากที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ได้เข้ามาแทนอันโตนิโอ คอนเต้ที่ลาจากทีมเชลซีไปในปี 2018 ในฐานะผู้ที่จะเข้ามาเปลี่ยนทีมเชลซีให้มีการเล่นที่น่าตื่นเต้นมากขึ้น จากชื่อเสียงของเขาในฐานะที่เปลี่ยนนาโปลีกลายเป็นทีมจอมบุกประจำลีกกัลโช่ ซีรีย์อา แม้ว่าซาร์รี่จะทำทีมกลายเป็นแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้าลีกได้ในปีแรกพร้อมพาทีมไปเล่นในยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ แต่สุดท้ายเขาก็จำเป็นต้องย้ายออกจากทีมด้วยกระแสแฟนบอลที่ไม่ปลื้มเจ้าตัว รวมถึงเมาริซิโอ ซาร์รี่เองที่ต้องการกลับประเทศบ้านเกิดเช่นกัน

ในช่วงเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนั้นเองที่ทีมยูเวนตุสกำลังหาผู้จัดการทีมคนใหม่ แล้วก็เป็นซาร์รี่ที่ได้รับตำแหน่งแทนมาสสิมิเลียโน่ เอลเลอกรี่ที่ลาออกไป แม้ว่ากุนซือวัย 61 ปีจะพาทีมม้าลายกลายเป็นแชมป์กัลโช่ ซีรีย์อาได้อีกหนึ่งสมัยติดต่อกัน แต่สุดท้ายจากผลงานที่เขาแพ้ต่อนาโปลีในรายการโคปาเดอเลียและซุปเปอร์โคปา อิตาเลียน่าให้แก่ลาซิโอ ทำให้สุดท้ายทางผู้บริหารจะสั่งปลดซาร์รี่ออกทันทีหลังจากยูเวนตุสต้องตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกจากฝีมือของโอลิมปิค ลียง และสุดท้ายกุนซือชาวอิตาลีจะต้องเก็บข้าวของย้ายออกไป

เมาริซิโอ ซาร์รี่

แม้ว่าเมาริซิโอ ซาร์รี่จะสร้างชื่อเสียงเรื่องความสำเร็จให้กับตัวเองในช่วงสองปีหลังมาได้มากมายก็ตาม รวมถึงแผนการเล่นที่เปิดมิติใหม่ให้แก่นักเตะฟุตบอลอิตาลีในช่วงที่คุมนาโปลีอยู่ แต่สุดท้ายแล้วซาร์รี่บอลก็เหมือนจะกลายเป็นเรื่องของอดีตเมื่อการถูกปลดของเขากลายเป็นตราประทับถึงความเชื่อมั่นของสโมสรต่างๆ ในระยะยาว อีกทั้งด้วยวัยเกิน 60 ของเขานั้นอาจทำให้ไม่มีเวลาจะพิสูจน์ฝีมือได้มากมายในอนาคต